บทสดุดี
บทสดุดี (อังกฤษ: Panegyric) คือ สุนทรพจน์อย่างเป็นทางการ
หรือต่อมาหมายถึงบทเขียนที่ใช้ในการกล่าวสรรเสริญบุคคลหรือปรัชญาความคิด
และเป็นงานที่เป็นที่ทำการศึกษากันมากที่ไม่ใช่บทยกย่อง (eulogy) และมิใช่งานเขียนที่มีจุดประสงค์ในการวิพากษ์
“Panegyric” มาจากภาษากรีก “πανηγυρικός” ที่แปลว่า
“สุนทรพจน์ที่เหมาะกับที่ประชุมใหญ่” (ศาสนชุมนุมของกรีก (Panegyris)) ในเอเธนส์สุนทรพจน์ดังกล่าวมักจะกล่าวเนื่องในโอกาสที่มีเทศกาลหรือการกีฬาระดับชาติ
โดยมีวัตถุประสงค์ในการปลุกเร้าใจพลเมืองให้เห็นดีเห็นงามไปกับการกระทำอันเป็นวีรบุรุษของบรรพบุรุษ
บทสดุดีที่มีชื่อเสียงที่สุดก็ได้แก่บทสดุดี
“Olympiacus” โดย จอร์จิอัส, “Olympiacus” โดย ลิเซียส และ “Panegyricus”
และ “Panathenaicus” โดยอิโซคราทีส แต่ไม่ได้กล่าวจริง
การกล่าวสดุดีเนื่องในโอกาสงานศพเช่นสุนทรพจน์ที่เขียนโดยนักประวัติศาสตร์ชาวกรีกธูซิดิดีสที่กล่าวโดยเพรีคลีสก็อยู่ในประเภทที่เรียกว่า “บทสดุดี”
ในสมัยโรมันโบราณบทสดุดีจำกัดใช้ในการสรรเสริญผู้ยังมีชีวิตอยู่เท่านั้น
และใช้ “บทสรรเสริญผู้ตาย” (funeral oration) สำหรับผู้เสียชีวิตไปแล้วเท่านั้น ตัวอย่างของบทสดุดีที่มีชื่อเสียงในภาษาลาตินก็ได้แก่บทสดุดีที่กล่าวโดยพลินิผู้เยาว์ในวุฒิสภาโรมันเนื่องในโอกาสที่ได้รับตำแหน่งเป็นกงสุล
ที่มีเนื้อหาบางส่วนพาดพิงไปถึงบทยกย่องจักรพรรดิทราจัน
เมื่อมาถึงปลายคริสต์ศตวรรษที่
3 และระหว่างคริสต์ศตวรรษที่ 4 ในสมัยของจักรพรรดิไดโอคลีเชียนก็เกิดมีประเพณีการสรรเสริญคุณสมบัติของความเป็นมหาวีรบุรุษของพระจักรพรรดิที่กำลังทรงราชย์อยู่ในงานเทศกาลทางวรรณกรรม
ในปี ค.ศ. 336 ยูซีเบียสแห่งเซซาเรียให้บทสดุดีเนื่องในพระราชวโรกาสที่จักรพรรดิคอนสแตนตินที่ 1 ทรงราชย์ครบรอบ 30 ปี
ซึ่งเป็นการสรรเสริญความมั่นศรัทธาทางศาสนาของพระองค์แทนที่จะเป็นการสรรเสริญในพระราชกรณียกิจที่ทรงประสบความสำเร็จในทางโลกที่ได้ทรงทำมาตามประเพณีการกล่าวสดุดีที่ทำกันมา
บทสดุดีที่ให้อย่างมีอรรถรส, ประสิทธิภาพ และ
มีปฏิภาณเป็นเครื่องมือสำหรับผู้ยังมีอายุไม่มากนักผู้มีการศึกษาแต่ขาดประสบการณ์ในการดึงดูดความสนใจที่ต้องการในบรรยากาศของการแข่งขัน
เมื่อกวีคลอเดียนเดินทางจากอเล็กซานเดรียมายังโรมก่อนปี
ค.ศ. 395 ก็มาสร้างชื่อเสียงโดยการให้บทสดุดี
และในที่สุดก็ได้เป็นกวีประจำสำนักของสติลิโค
คาสซิโอโดรัสข้าราชสำนักในพระเจ้าธีโอดอริคมหาราชทิ้งงานเขียนบทสดุดีเอาไว้
“Laudes” นักชีวประวัติของคาสซิโอโดรัส
โอดอนเนลล์บรรยายว่าเป็นงานที่เป็นที่ทราบกันเป็นสุนทรพจน์ที่มีเนื้อหาสรรเสริญอันเกินเลย
วัตถุประสงค์ของการเขียน (ซึ่งก็คงมีความสำคัญต่อการตัดสินคุณค่า)
ก็เพื่อให้เห็นว่าการกล่าวสรรเสริญอันเกินเลยจะทำได้มากเท่าใดโดยไม่เกินขอบเขตของมารยาทและการจำกัดของสังคม”
ตัวอย่างบทสดุดี
บทสดุดี เพื่อขอบพระคุณ
ชาวโลกทั้งสิ้นเอ๋ย
จงโห่ร้องยินดีถวายแด่องค์พระผู้เป็นเจ้า
2 จงนมัสการองค์พระผู้เป็นเจ้าด้วยความเปรมปรีดิ์
จงมาเข้าเฝ้าพระองค์ด้วยบทเพลงชื่นบาน
3 จงรู้เถิดว่าพระยาห์เวห์ทรงเป็นพระเจ้า
พระองค์นี่แหละที่ทรงสร้างเรา และเราเป็นของพระองค์[a]
เราเป็นประชากรของพระองค์ เป็นแกะในทุ่งหญ้าของพระองค์
2 จงนมัสการองค์พระผู้เป็นเจ้าด้วยความเปรมปรีดิ์
จงมาเข้าเฝ้าพระองค์ด้วยบทเพลงชื่นบาน
3 จงรู้เถิดว่าพระยาห์เวห์ทรงเป็นพระเจ้า
พระองค์นี่แหละที่ทรงสร้างเรา และเราเป็นของพระองค์[a]
เราเป็นประชากรของพระองค์ เป็นแกะในทุ่งหญ้าของพระองค์
4 จงเข้าประตูของพระองค์ด้วยการขอบพระคุณ
เข้ามาในพระนิเวศของพระองค์ด้วยการสรรเสริญ
จงขอบพระคุณพระองค์และสรรเสริญพระนามของพระองค์
5 เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงแสนดี และความรักมั่นคงของพระองค์ดำรงนิรันดร์
ความซื่อสัตย์ของพระองค์คงอยู่ตลอดทุกชั่วอายุ
เข้ามาในพระนิเวศของพระองค์ด้วยการสรรเสริญ
จงขอบพระคุณพระองค์และสรรเสริญพระนามของพระองค์
5 เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงแสนดี และความรักมั่นคงของพระองค์ดำรงนิรันดร์
ความซื่อสัตย์ของพระองค์คงอยู่ตลอดทุกชั่วอายุ
บทสดุดี
จงร้องเพลงบทใหม่ถวายแด่องค์พระผู้เป็นเจ้า
เพราะพระองค์ทรงกระทำการอัศจรรย์นานัปการ
พระหัตถ์ขวาและพระกรบริสุทธิ์ของพระองค์
นำความรอดมา
2 องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงให้ความรอดของพระองค์เป็นที่รู้แจ้ง
และสำแดงความชอบธรรมของพระองค์แก่ประชาชาติทั้งหลาย
3 พระองค์ทรงระลึกถึงความรักมั่นคงของพระองค์
และความซื่อสัตย์ของพระองค์ต่อวงศ์วานอิสราเอล
คนทั่วทุกมุมโลกได้เห็น
ความรอดของพระเจ้าของเรา
เพราะพระองค์ทรงกระทำการอัศจรรย์นานัปการ
พระหัตถ์ขวาและพระกรบริสุทธิ์ของพระองค์
นำความรอดมา
2 องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงให้ความรอดของพระองค์เป็นที่รู้แจ้ง
และสำแดงความชอบธรรมของพระองค์แก่ประชาชาติทั้งหลาย
3 พระองค์ทรงระลึกถึงความรักมั่นคงของพระองค์
และความซื่อสัตย์ของพระองค์ต่อวงศ์วานอิสราเอล
คนทั่วทุกมุมโลกได้เห็น
ความรอดของพระเจ้าของเรา
4 ชาวโลกทั้งสิ้นเอ๋ย
จงโห่ร้องยินดีถวายแด่องค์พระผู้เป็นเจ้า
จงเปล่งเสียงเพลงแห่งความชื่นบานคลอเสียงดนตรี
5 จงบรรเลงบทเพลงถวายแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าด้วยพิณ
ด้วยพิณและเสียงขับขาน
6 จงเป่าแตรและแตรเขาแกะ
จงโห่ร้องด้วยความชื่นบานต่อหน้าพระยาห์เวห์จอมกษัตรา
จงเปล่งเสียงเพลงแห่งความชื่นบานคลอเสียงดนตรี
5 จงบรรเลงบทเพลงถวายแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าด้วยพิณ
ด้วยพิณและเสียงขับขาน
6 จงเป่าแตรและแตรเขาแกะ
จงโห่ร้องด้วยความชื่นบานต่อหน้าพระยาห์เวห์จอมกษัตรา
7 ท้องทะเลและสรรพสิ่งในนั้น
โลกและทุกชีวิตในโลก
จงแซ่ซ้องกังวาล
8 แม่น้ำทั้งหลายจงปรบมือ
ภูเขาทั้งหลายจงร้องเพลงรื่นเริงด้วยกัน
9 ทุกสิ่งจงร้องเพลงต่อหน้าองค์พระผู้เป็นเจ้า
เพราะพระองค์เสด็จมาเพื่อพิพากษาโลก
พระองค์จะทรงพิพากษาโลกด้วยความชอบธรรม
และพิพากษาชนชาติต่างๆ อย่างยุติธรรม
จงแซ่ซ้องกังวาล
8 แม่น้ำทั้งหลายจงปรบมือ
ภูเขาทั้งหลายจงร้องเพลงรื่นเริงด้วยกัน
9 ทุกสิ่งจงร้องเพลงต่อหน้าองค์พระผู้เป็นเจ้า
เพราะพระองค์เสด็จมาเพื่อพิพากษาโลก
พระองค์จะทรงพิพากษาโลกด้วยความชอบธรรม
และพิพากษาชนชาติต่างๆ อย่างยุติธรรม
อ้างอิง
https://www.biblegateway.com
https://th.wikipedia.org
น.ส
ภคภรณ์ ปราบปัญจะ ม.๕/๒ เลขที่ ๑๙
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น