พระยาพิศณุประสาทเวช (คง ถาวรเวช)
- เกิดเมื่อ พ.ศ. 2396
- ถึงแก่อนิจกรรม พ.ศ. 2457
- แพทย์ประจำโรงพยาบาลวังหลัง (ศิริราช)
- มีความรู้แพทย์สมัยใหม่และแพทย์แผนโบราณ
- เป็นแพทย์หลวงประจำพระองค์ ร. 6
- ได้รับพระราชทานนามสกุล ถาวรเวช
ที่มาของเรื่อง
เมื่อรัชกาลที่ 5 ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ตั้งโรงเรียนราชแพทยาลัยขึ้นแล้ว ใน พ.ศ. 2432 ได้มีการพิมพ์ตำราแพทย์สำหรับโรงเรียนเล่มแรกชื่อว่า “แพทย์ศาสตร์สงเคราะห์” เมื่อ พ.ศ. 2438 พิมพ์เป็นตอนๆ แบ่งออกเป็นภาคกล่าวรวมทั้งวิชาแพทย์ไทยโบราณและวิชาแพทย์ฝรั่ง โดยมีความประสงค์เพื่อให้เป็นประโยชน์แก่โรงเรียนราชแพทยาลัยและมหาชนทั่วไป
ต่อมาผู้ที่สำเร็จการศึกษาวิชาแพทย์จากโรงเรียนราชแพทยาลัย ได้จัดพิมพ์ตำราแพทย์ศาสตร์ขึ้นอีกเป็นวารสาร รายเดือน แต่พิมพ์ออกมาได้เพียง 4 ฉบับก็เลิกไป
พระยาพิศณุประสาทเวช ได้กราบทูลขอประทานพระอนุญาตจากกรมพระยาดำรงราชานุภาพ สภานายกหอพระสมุดวชิรญาณ ในขณะนั้นเพื่อจัดพิมพ์ตำราแพทย์ศาสตร์สงเคราะห์ฉบับหลวง 2 เล่มจบ เมื่อ 1 มีนาคม พ.ศ.2450
จุดมุ่งหมายของเรื่อง
- เพื่อให้ราษฎรที่ป่วยไข้ สามารถใช้เป็นเครื่องมือรักษาตนเอง
- เพื่ออนุรักษ์ตำราแพทย์แผนไทยไว้ให้คนรุ่นหลัง
ลักษณะคำประพันธ์
กาพย์ยานี 11
อธิบายฉันทลักษณ์ กาพย์ยานี 11
- วรรคหน้า 5 คำ วรรคหลัง 6 คำรวม 11คำ (5+6) เรียก 1 บาท
- 1 บท มี 4 วรรค (สดับ รับ รอง ส่ง) นับเป็น 2 บาท
- การส่งสัมผัส คำสุดท้ายวรรคที่ 1 ส่งไปยังวรรคที่ 2 คำที่ 3
คำสุดท้ายวรรคที่ 2 ส่งไปยังวรรคที่ 3 คำสุดท้าย
คำสุดท้ายวรรคที่ 4 ส่งไปยังวรรคที่ 2 คำสุดท้าย ของบทต่อไป (ระหว่างบท)
* ไม่บังคับการส่งสัมผัสจากวรรคที่ 3 ไปวรรคที่ 4
ตัวอย่างกาพย์ยานี 11
- วรรคหน้า 5 คำ วรรคหลัง 6 คำรวม 11คำ (5+6) เรียก 1 บาท
- 1 บท มี 4 วรรค (สดับ รับ รอง ส่ง) นับเป็น 2 บาท
- การส่งสัมผัส คำสุดท้ายวรรคที่ 1 ส่งไปยังวรรคที่ 2 คำที่ 3
คำสุดท้ายวรรคที่ 2 ส่งไปยังวรรคที่ 3 คำสุดท้าย
คำสุดท้ายวรรคที่ 4 ส่งไปยังวรรคที่ 2 คำสุดท้าย ของบทต่อไป (ระหว่างบท)
* ไม่บังคับการส่งสัมผัสจากวรรคที่ 3 ไปวรรคที่ 4
ตัวอย่างกาพย์ยานี 11
อนึ่งจะกล่าวสอน | กายนครมีมากหลาย |
ประเทียบเปรียบในกาย | ทุกหญิงชายในโลกา |
ดวงจิตคือกระษัตริย์ | ผ่านสมบัติอันโอฬาร์ |
ข้าศึกคือโรคา | เกิดเข่นฆ่าในกายเรา |
คัมภีร์ฉันทศาสตร์
ศัพท์ภาษาไทยว่า "แพทย์" มาจากศัพท์สันสกฤต "ไวทย" แปลว่า ผู้รู้พระเวท หมายถึงผู้รู้วิชาการต่างๆ ที่ประมวลอยู่ในคัมภีร์พระเวท (คัมภีร์พระเวทฉบับหนึ่งคือ อถรรพเวท เป็นต้นกำเนิดของตำราการแพทย์ และการรักษาโรคด้วยสมุนไพร) และผู้รู้วิชาการรักษาโรค เป็นที่นับถือยกย่องและมีบทบาทมากในสังคม ต่อมาคำว่า "ไวทย" จึงมีความหมายเจาะจงหมายถึงผู้รู้วิชาการรักษาโรค
ตำราแพทย์ของไทยที่มีมาแต่โบราณ มีร่องรอยของอิทธิพลความเชื่อและหลักปฏิบัติต่างๆ ที่ปรากฏในตำราแพทย์ของอินเดีย ดังจะเห็นได้จาก คัมภีร์ฉันทศาสตร์
ในความหมายกว้าง "ฉันทศาสตร์" จะหมายถึงตำราแพทย์โดยรวมเนื้อหาในตำราฉันทศาสตร์อาจแบ่งเป็นตอนๆ ได้ดังนี้
ตอนที่ 1 เริ่มด้วยบทไหว้ครู กล่าวถึงคุณสมบัติของแพทย์และสิ่งที่แพทย์ควรรู้ ความสำคัญของแพทย์ปรากฏในบทเปรียบเทียบ "กายนคร" ซึ่งเปรียบร่างกายมนุษย์เป็นเมือง และแพทย์เป็นทหารป้องกันบ้านเมืองจากข้าศึกคือโรคภัย ในท้ายตอนที่ 1 มีสังเขปอาการของ ไข้ทับ 8 ประเภท
ตอนที่ 2 มีข้อความกำกับว่า "ว่าด้วยคัมภีร์ตักกะศิลา" ขึ้นต้นด้วยบทไหว้พระรัตนตรัย บิดา มารดา และครูอาจารย์ แล้วกล่าวถึงวิธีสังเกตอาการไข้และยารักษา
ตอนที่ 3 กล่าวถึงกำเนิดโรคภัย ลักษณะของผู้หญิงที่มีน้ำนมดีหรือน้ำนมชั่ว ลักษณะไข้สามขั้นคือเอกโทษ ทุวรรณโทษและตรีโทษ
ตอนที่ 4 กล่าวถึงวิธีสังเกตตำแหน่งชีพจรซึ่งเปลี่ยนไปตามเวลาขึ้นแรม พร้อมทั้งข้อควรระวังต่างๆ
ตอนที่ 5 กล่าวถึงธาตุทั้งห้าคือ ดิน น้ำ ลม ไฟ และอากาศ ซึ่งเป็นสาเหตุแห่งโรค
ตอนที่ 6 กล่าวถึงอาการของไข้ป่วง 8 ประเภท และยารักษา
ตอนที่ 7 กล่าวถึงกำหนดเวลาโมงยามที่สัมพันธ์กับสมุฏฐานโรค
ตอนที่ 8 กล่าวถึงโรคท้องร่วงลักษณะต่างๆ
ตอนที่ 9 มีชื่อว่ามรณญาณสูตร บอกวิธีสังเกตนิมิตของผู้ใกล้ตาย
ตอนที่ 10 กล่าวถึงอาการของโรคทรางประเภทต่างๆ และกล่าวถึงธาตุในร่างกายซ้ำกับตอนที่ 5 แต่มีเพียงธาตุทั้งสี่ คือ ดิน น้ำ ลม ไฟ
แนวความคิดเกี่ยวกับ ธาตุ 4 นั้น ปรากฏอยู่ในคัมภีร์แพทย์แผนไทยเกือบทุกเล่ม ได้แก่ "คัมภีร์พระโอสถพระนารายณ์ พระคัมภีร์มหาโชตรัต พระคัมภีร์โรคนิทาน พระคัมภีร์ปฐมจินดาร์ พระคัมภีร์ธาตุวิภังค์ พระคัมภีร์สรรพคุณยาแลมหาพิกัต พระคัมภีร์สมุฏฐานวินิจฉัย พระคัมภีร์ธาตุวิวรณ์ และพระคัมภีร์ธาตุบรรจบ" แต่ธาตุทั้ง 5 นั้น ไม่ปรากฏในคัมภีร์เล่มใดเลยยกเว้นใน คัมภีร์ฉันทศาสตร์ เท่านั้น
ในความหมายกว้าง "ฉันทศาสตร์" จะหมายถึงตำราแพทย์โดยรวมเนื้อหาในตำราฉันทศาสตร์อาจแบ่งเป็นตอนๆ ได้ดังนี้
ตอนที่ 1 เริ่มด้วยบทไหว้ครู กล่าวถึงคุณสมบัติของแพทย์และสิ่งที่แพทย์ควรรู้ ความสำคัญของแพทย์ปรากฏในบทเปรียบเทียบ "กายนคร" ซึ่งเปรียบร่างกายมนุษย์เป็นเมือง และแพทย์เป็นทหารป้องกันบ้านเมืองจากข้าศึกคือโรคภัย ในท้ายตอนที่ 1 มีสังเขปอาการของ ไข้ทับ 8 ประเภท
ตอนที่ 2 มีข้อความกำกับว่า "ว่าด้วยคัมภีร์ตักกะศิลา" ขึ้นต้นด้วยบทไหว้พระรัตนตรัย บิดา มารดา และครูอาจารย์ แล้วกล่าวถึงวิธีสังเกตอาการไข้และยารักษา
ตอนที่ 3 กล่าวถึงกำเนิดโรคภัย ลักษณะของผู้หญิงที่มีน้ำนมดีหรือน้ำนมชั่ว ลักษณะไข้สามขั้นคือเอกโทษ ทุวรรณโทษและตรีโทษ
ตอนที่ 4 กล่าวถึงวิธีสังเกตตำแหน่งชีพจรซึ่งเปลี่ยนไปตามเวลาขึ้นแรม พร้อมทั้งข้อควรระวังต่างๆ
ตอนที่ 5 กล่าวถึงธาตุทั้งห้าคือ ดิน น้ำ ลม ไฟ และอากาศ ซึ่งเป็นสาเหตุแห่งโรค
ตอนที่ 6 กล่าวถึงอาการของไข้ป่วง 8 ประเภท และยารักษา
ตอนที่ 7 กล่าวถึงกำหนดเวลาโมงยามที่สัมพันธ์กับสมุฏฐานโรค
ตอนที่ 8 กล่าวถึงโรคท้องร่วงลักษณะต่างๆ
ตอนที่ 9 มีชื่อว่ามรณญาณสูตร บอกวิธีสังเกตนิมิตของผู้ใกล้ตาย
ตอนที่ 10 กล่าวถึงอาการของโรคทรางประเภทต่างๆ และกล่าวถึงธาตุในร่างกายซ้ำกับตอนที่ 5 แต่มีเพียงธาตุทั้งสี่ คือ ดิน น้ำ ลม ไฟ
แนวความคิดเกี่ยวกับ ธาตุ 4 นั้น ปรากฏอยู่ในคัมภีร์แพทย์แผนไทยเกือบทุกเล่ม ได้แก่ "คัมภีร์พระโอสถพระนารายณ์ พระคัมภีร์มหาโชตรัต พระคัมภีร์โรคนิทาน พระคัมภีร์ปฐมจินดาร์ พระคัมภีร์ธาตุวิภังค์ พระคัมภีร์สรรพคุณยาแลมหาพิกัต พระคัมภีร์สมุฏฐานวินิจฉัย พระคัมภีร์ธาตุวิวรณ์ และพระคัมภีร์ธาตุบรรจบ" แต่ธาตุทั้ง 5 นั้น ไม่ปรากฏในคัมภีร์เล่มใดเลยยกเว้นใน คัมภีร์ฉันทศาสตร์ เท่านั้น
แพทย์ศาสตร์สงเคราะห์
แพทย์ศาสตร์สงเคราะห์ : ภูมิปัญญาทางการแพทย์และมรดกทางวรรณกรรมของชาติ เป็นหนังสือที่กระทรวงศึกษาธิการได้จัดทำและจัดพิมพ์ เพื่อน้อมเกล้าน้อมกระหม่อมถวายเป็นพระราชสักการะแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในมหามงคลสมัยที่ทรงเจริญพระชนมพรรษาครบ 6 รอบ โดยได้รวบรวมคัมภีร์แพทย์ ครั้ง ร.ศ. 126 และ ร.ศ. 128 ซึ่งได้ตรวจสอบรับรองโดยคณะแพทย์หลวงในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ จำนวน 14 คัมภีร์ เผยแพร่แก่ประชาชนทั่วไป
คัมภีร์ฉันทศาสตร์ กล่าวถึงจรรยาของแพทย์ทับ 8 ประการโรคทราง สมุฏฐานแห่งไข้ อติสารมรณญาณสูตร
พระคัมภีร์ปฐมจินดาร์ กล่าวถึงพรหมปุโรหิตแรกปฐมกาล-การปฏิสนธิแห่งทารก กำเนิดโลหิต ระดูสตรี ครรภ์ทวาร กำเนิดโรคกุมารและยารักษาฯ
พระคัมภีร์ธาตุวิภังค์ กล่าวถึงความพิการของธาตุทั้ง 4
พระคัมภีร์สรรพคุณ (แลมหาพิกัต) กล่าวถึงสรรพคุณของสมุนไพรที่มีคุณค่าทางยาหรือเภสัช
พระคัมภีร์สมุฏฐานวินิจฉัย กล่าวถึงความรู้ในการวินิจฉัยโรค
พระคัมภีร์วรโยคสาร กล่าวถึงองค์แห่งแพทย์ 30 ประการฯ
พระคัมภีร์มหาโชตรัต กล่าวถึงโรคสตรี
พระคัมภีร์ชวดาร กล่าวถึงโรคลมและโรคเลือด
พระคัมภีร์โรคนิทาน กล่าวถึงเหตุและสมมุติฐานของโรค
พระคัมภีร์ธาตุวิวรณ์ กล่าวถึงเหตุที่ธาตุสี่ไม่ปกติและการแก้ไข
พระภัมภีร์ธาตุบรรจบ กล่าวถึงโรคอุจจาระธาตุฯ
พระคัมภีร์มุจฉาปักขันทิกา กล่าวถึงโรคบุรุษสตรี
พระคัมภีร์ตักกะศิลา กล่าวถึงโรคระบาดอย่างร้ายแรง ไข้พิษ
คัมภีร์ฉันทศาสตร์ กล่าวถึงจรรยาของแพทย์ทับ 8 ประการโรคทราง สมุฏฐานแห่งไข้ อติสารมรณญาณสูตร
พระคัมภีร์ปฐมจินดาร์ กล่าวถึงพรหมปุโรหิตแรกปฐมกาล-การปฏิสนธิแห่งทารก กำเนิดโลหิต ระดูสตรี ครรภ์ทวาร กำเนิดโรคกุมารและยารักษาฯ
พระคัมภีร์ธาตุวิภังค์ กล่าวถึงความพิการของธาตุทั้ง 4
พระคัมภีร์สรรพคุณ (แลมหาพิกัต) กล่าวถึงสรรพคุณของสมุนไพรที่มีคุณค่าทางยาหรือเภสัช
พระคัมภีร์สมุฏฐานวินิจฉัย กล่าวถึงความรู้ในการวินิจฉัยโรค
พระคัมภีร์วรโยคสาร กล่าวถึงองค์แห่งแพทย์ 30 ประการฯ
พระคัมภีร์มหาโชตรัต กล่าวถึงโรคสตรี
พระคัมภีร์ชวดาร กล่าวถึงโรคลมและโรคเลือด
พระคัมภีร์โรคนิทาน กล่าวถึงเหตุและสมมุติฐานของโรค
พระคัมภีร์ธาตุวิวรณ์ กล่าวถึงเหตุที่ธาตุสี่ไม่ปกติและการแก้ไข
พระภัมภีร์ธาตุบรรจบ กล่าวถึงโรคอุจจาระธาตุฯ
พระคัมภีร์มุจฉาปักขันทิกา กล่าวถึงโรคบุรุษสตรี
พระคัมภีร์ตักกะศิลา กล่าวถึงโรคระบาดอย่างร้ายแรง ไข้พิษ
พระคัมภีร์ไกษย กล่าวถึงโรคที่ทำให้ร่างกายทรุดโทรมไม่แข็งแรง
วิเคราะห์คุณค่า
1. คุณค่าด้านเนื้อหา
เนื้อหาของคัมภีร์ฉันทศาสตร์และแพทยศาสตร์สงเคราะห์จะเน้นใจความหลักสองส่วนนั่นคือ เน้นคุณค่าจรรยาบรรณของแพทย์สิ่งที่แพทย์ที่ดีพึงปฏิบัติและไม่พึงปฏิบัติอันเป็นการรวบรวมจรรยาบรรณของแพทย์ในด้านต่างๆมาประมวลรวมไว้ในตำราเดียวอย่างเป็นระบบทำให้คุณค่าของแพทย์ดูเป็นรูปธรรมและเข้าใจได้ง่ายมากยิ่งขึ้น และก่อให้เกิดอิทธิพลและเป็นต้นแบบของจรรยาบรรณแพทย์แขนงต่างๆ จนกระทั่งปัจจุบัน
ส่วนที่สองคือตำราแพทย์แผนโบราณ ซึ่งเป็นการรวบรวมตำราแพทย์แผนโบราณฉบับหลวง ก่อให้เกิดการประมวลความรู้ทางด้านการแพทย์แผนโบราณเป็นหนึ่งเดียว ง่ายต่อการนำมาจัดระบบให้การศึกษาเช่นเดียวกัน ทั้งยังเป็นการรวบรวมความรู้ทางการแพทย์เอาไว้มิให้สูญหายไปตามกาลเวลาและผิดเพี้ยนไปจากเดิม
จึงถือได้ว่า คัมภีร์ฉันทศาสตร์ แพทยศาสตร์สงเคราะห์เป็นวรรณคดีที่รวบรวมพื้นฐานทุกสิ่งอย่างของอาชีพแพทย์ อย่างครบถ้วนสมบูรณ์ และมีคุณค่าทั้งทางด้านองค์ความรู้และทางด้านจิตใจต่อแพทย์ ผู้ประกอบวิชาชีพ และผู้ที่สนใจอาชีพแพทย์อย่างยิ่ง
2. คุณค่าด้านวรรณศิลป์
- การสรรคำ
- การใช้ภาพพจน์
2. คุณค่าด้านวรรณศิลป์
- ด้านวิชาการหรือด้านการแพทย์
* ให้ความรู้ด้านเวชศาสตร์และสมุนไพรไทย
* คุณค่าทางด้านการแพทย์แผนโบราณ
* เน้นความเป็นวิทยาศาสตร์
* ให้ความรู้ถึงคุณสมบัติของแพทย์
* ทราบถึงความสำคัญของแพทย์
* ทราบถึงคำเตือนสำหรับแพทย์บางประการ
- ให้คุณค่าทางด้านคุณธรรม
* ข้อบกพร่องของแพทย์
* ด้านจรรยาบรรณแพทย์
* ความผิดพลาดจากการรักษา
ความรู้เสริมบทเรียน
1. หมอชีวก โกมารภัจจ์
-ถือกำเนิดจากนางนครโสเภณี แคว้นมคธ ถูกนำมาทิ้งในกองขยะ เจ้าชายอภัยราชกุมาร โอรสพระเจ้าพิมพิสารเป็นผู้ทรงเก็บมาเลี้ยงที่วัง
-เป็นหมอหลวงในราชสำนักของพระเจ้าพิมพิสาร ได้ถวาย การรักษาโรค “ภคันทลาพาธ” (ริดสีดวงทวาร) ของพระเจ้า พิมพิสารแห่งเมืองราชคฤห์
-คุณธรรมที่ควรยึดถือเป็นแบบอย่าง
* เป็นอุบาสกที่ดี เลื่อมใสในพระรัตนตรัย เคารพพระพุทธเจ้าอย่างสูง
* ใฝ่เรียนรู้และมีความพยายาม ตั้งใจเล่าเรียนอย่างมานะ
* มีจิตใจเสียสละ ดูแลผู้ป่วยอย่างเต็มความสามารถ ไม่เลือกอยากดีมีจน
2. ลักษณะทับ 8 ประการ
-เด็กเป็นไข้ เนื่องจากแม่ทราง 2 ชนิดให้โทษ คืออาการต่อไปให้ลงท้อง กระหายน้ำ ตัวร้อน ปลายมือปลายเท้าเย็น ถ้าเด็กมีอาการเป็นดังนี้
ก. ตอนเช้าให้กินยาตรี
ข. ตอนเที่ยงให้กินยาหอมผักหนอก
ค. ตอนเย็นให้กินประสะนิลน้อย
-เด็กเป็นไข้ให้สำรอก เสมหะเป็นสีเหลืองสีเขียว เป็นเม็ดมะเขือ ให้ไอนอนผวา เบื่อข้าวเบื่อนม ตัวร้อนบ้างเย็นบ้างเป็นคราวๆ ตามองช้อนไปข้างบน
-เป็นไข้แล้วให้อุจจาระพิการ ลงท้องเป็นมูกเหม็นเปรี้ยวเหม็นคาว ละอองทรางขึ้นในคอ ให้ไอ มีน้ำมูก ปวดศีรษะ ตัวร้อนจัด เชื่อมมัว
-ไข้เนื่องจากหวัดกำเดา ให้ไอ ตัวร้อนจัด หายใจถี่ ปากคอแห้ง นอนผวา เม็ดทรางเกิดในคอ ข้าวนมไม่กิน ท้องขึ้นหลังแข็ง ให้ใช้ยาเย็นและสุขุม
-เด็กไข้ตกอุจจาระเป็นมูกดำสดๆ เป็นหวัดมีกำเดาแทรก ตัวร้อนจัด เชื่อมมัว อยากน้ำเป็นกำลัง ตอนเช้าให้กินน้ำสมอไท เที่ยงยาหอมผักหนอก
-กำลังเด็กเป็นไข้หวัด มีอาการซึมเซาเชื่อมมัว ปวดหัวตัวร้อนตั้งแต่เท้าตลอดเบื้องบน บางทีท้องขึ้น หอบไอแห้ง ลงเป็นมูกเลือดไม่เป็นเวลา พอแก้ได้
-เด็กให้ลงออกมาเป็นส่าเหล้า เหม็นคาว เหม็นขื่น ต่อมาเป็นมูกเลือดสดๆ ปวดเบ่งตับทรุดลงมาตัวร้อน ท้องขึ้น ปลายเท้าปลายมือเย็น หายใจขัด อาการนี้อาการตาย แก้ไม่ได้
-เด็กใดๆก็ดี หกล้ม ชอกช้ำ ต่อมาจับไข้ตัวร้อนเป็นเวลา หน้าตาไม่มีสีเลือด ท้องร่วงเป็นส่าเหล้าหรือไข่เน่า สุดท้ายลงเป็นมูกเลือด ตัวร้อนหายใจขัดสะอื้น ปลายเท้าเย็น มือเย็น อาการนี้เป็นอาการตายแก้ไม่ได้
3. จารึกตำรายาที่วัดพระเชตุพนวิมงมังคลาราม
จารึกตำรายาที่วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม แบ่งเป็น 4 ประเภท (หรือวิชา) ดังนี้
-วิชากายภาพบำบัด (ฤาษีดัดตน) ทำเป็นรูปฤาษี หล่อด้วยดีบุกผสมสังกะสี จำนวน 80 ท่า มีโคลงสี่สุภาพอธิบายประกอบทุกท่า
-วิชาเวชศาสตร์ ว่าด้วยการศึกษาโรคภัยไข้เจ็บตามทฤษฎีการแพทย์แผนไทย มีการแยกสมุฏฐานของโรค การวินิจฉัยโรค การใช้ยาบำบัดรักษาโรค รวมจำนวนยา 1,128 ขนาน
-วิชาแผนนวด หรือวิชาหัตถศาสตร์ มีภาพโครงสร้างของร่างกายมนุษย์ แสดงที่ตั้งของเส้นประสาทการนวด 14 ภาพ และภาพเกี่ยวกับการนวดแก้ขัดยอกแก้เมื่อยและโรคต่างๆ อีก 60 ภาพ
-วิชาเภสัช ว่าด้วยสรรพคุณของเครื่องสมุนไพร ที่เรียกว่า ตำราสรรพคุณยา ปรากฏสรรพคุณในการบำบัดรักษา จำนวน 113 ชนิด
แม้ว่าพระคัมภีร์สรรพคุณ (แลมหาพิกัต) ในหนังสือ "แพทย์ศาสตร์สงเคราะห์" นั้น น่าจะเป็นคนละสำนวนกันกับตำราสรรพคุณยาฉบับวัดพระเชตุพนฯ และฉบับกรมหลวงวงษาธิราชสนิท เพราะมีรายละเอียดต่างกัน แต่ก็มีเนื้อหาใกล้เคียงกันมาก เห็นได้ว่ามีพื้นฐานมาจากต้นฉบับเดียวกัน โดยได้มีการปรับปรุงแก้ไขและเพิ่มเติมในภายหลัง
อ้างอิงข้อมูล http://www.digitalschool.club/digitalschool/thai2_4_1/thai6_5/index.php
ผู้จัดทำ นาย ชยธร แจ่มมณี ม.5-2 เลขที่2
เนื้อหาของคัมภีร์ฉันทศาสตร์และแพทยศาสตร์สงเคราะห์จะเน้นใจความหลักสองส่วนนั่นคือ เน้นคุณค่าจรรยาบรรณของแพทย์สิ่งที่แพทย์ที่ดีพึงปฏิบัติและไม่พึงปฏิบัติอันเป็นการรวบรวมจรรยาบรรณของแพทย์ในด้านต่างๆมาประมวลรวมไว้ในตำราเดียวอย่างเป็นระบบทำให้คุณค่าของแพทย์ดูเป็นรูปธรรมและเข้าใจได้ง่ายมากยิ่งขึ้น และก่อให้เกิดอิทธิพลและเป็นต้นแบบของจรรยาบรรณแพทย์แขนงต่างๆ จนกระทั่งปัจจุบัน
ส่วนที่สองคือตำราแพทย์แผนโบราณ ซึ่งเป็นการรวบรวมตำราแพทย์แผนโบราณฉบับหลวง ก่อให้เกิดการประมวลความรู้ทางด้านการแพทย์แผนโบราณเป็นหนึ่งเดียว ง่ายต่อการนำมาจัดระบบให้การศึกษาเช่นเดียวกัน ทั้งยังเป็นการรวบรวมความรู้ทางการแพทย์เอาไว้มิให้สูญหายไปตามกาลเวลาและผิดเพี้ยนไปจากเดิม
จึงถือได้ว่า คัมภีร์ฉันทศาสตร์ แพทยศาสตร์สงเคราะห์เป็นวรรณคดีที่รวบรวมพื้นฐานทุกสิ่งอย่างของอาชีพแพทย์ อย่างครบถ้วนสมบูรณ์ และมีคุณค่าทั้งทางด้านองค์ความรู้และทางด้านจิตใจต่อแพทย์ ผู้ประกอบวิชาชีพ และผู้ที่สนใจอาชีพแพทย์อย่างยิ่ง
2. คุณค่าด้านวรรณศิลป์
- การสรรคำ
การเล่นเสียงสัมผัส | ผู้ใดใครทำชอบ | ตามระบอบพระบาลี |
กุศลผลจะมี | อเนกนับเบื้องหน้าไป | |
การซ้ำคำ | กายไม่แก่รู้ | ประมาทผู้อุดมญาณ |
แม้เด็กเป็นเด็กชาญ | ไม่ควรหมิ่นประมาทใจ | |
การเพิ่มเสียง “ร” | ให้ดำรงกระษัตริย์ไว้ | คือดวงใจให้เร่งยา |
อนึ่งห้ามอย่าโกรธา | ข้าศึกมาจะอันตราย |
อุปมา | จะกล่าวคัมภีร์ฉัน | ทศาสตรบรรพ์ที่ครูสอน |
เสมอดวงทินกร | แลดวงจันทร์กระจ่างตา | |
บุคคลวัต | จบเรื่องที่ตนรู้ | โรคนั้นสู้ว่าแรงกรรม |
ไม่สิ้นสงสัยทำ | สุดมือม้วยน่าเสียดาย | |
อุปลักษณ์ | ดวงจิตคือกระษัตริย์ | ผ่านสมบัติอันโอฬาร์ |
ข้าศึกคือโรคา | เกิดเข่นฆ่าในกายเรา |
- รสทางวรรณคดี
เสาวรจนี | ข้าขอประนมหัตถ์ | พระไตรรัตนนาถา |
ตรีโลกอมรมา | อภิวาทนาการ | |
พิโรธวาทัง | ไม่รักจะทำยับ | พาตำรับเที่ยวขจร |
เสียแรงเป็นครูสอน | ทั้งบุญคุณก็เสื่อมสูญ | |
สัลลาปังคพิสัย | ไม่รู้คัมภีร์เวช | ห่อนเห็นเหตุซึ่งโรคทำ |
แพทย์เอ๋ยอย่างมคลำ | จักขุมืด บ เห็นหน |
- ด้านวิชาการหรือด้านการแพทย์
* ให้ความรู้ด้านเวชศาสตร์และสมุนไพรไทย
* คุณค่าทางด้านการแพทย์แผนโบราณ
* เน้นความเป็นวิทยาศาสตร์
* ให้ความรู้ถึงคุณสมบัติของแพทย์
* ทราบถึงความสำคัญของแพทย์
* ทราบถึงคำเตือนสำหรับแพทย์บางประการ
- ให้คุณค่าทางด้านคุณธรรม
* ข้อบกพร่องของแพทย์
* ด้านจรรยาบรรณแพทย์
* ความผิดพลาดจากการรักษา
ความรู้เสริมบทเรียน
1. หมอชีวก โกมารภัจจ์
-ถือกำเนิดจากนางนครโสเภณี แคว้นมคธ ถูกนำมาทิ้งในกองขยะ เจ้าชายอภัยราชกุมาร โอรสพระเจ้าพิมพิสารเป็นผู้ทรงเก็บมาเลี้ยงที่วัง
-เป็นหมอหลวงในราชสำนักของพระเจ้าพิมพิสาร ได้ถวาย การรักษาโรค “ภคันทลาพาธ” (ริดสีดวงทวาร) ของพระเจ้า พิมพิสารแห่งเมืองราชคฤห์
-คุณธรรมที่ควรยึดถือเป็นแบบอย่าง
* เป็นอุบาสกที่ดี เลื่อมใสในพระรัตนตรัย เคารพพระพุทธเจ้าอย่างสูง
* ใฝ่เรียนรู้และมีความพยายาม ตั้งใจเล่าเรียนอย่างมานะ
* มีจิตใจเสียสละ ดูแลผู้ป่วยอย่างเต็มความสามารถ ไม่เลือกอยากดีมีจน
2. ลักษณะทับ 8 ประการ
-เด็กเป็นไข้ เนื่องจากแม่ทราง 2 ชนิดให้โทษ คืออาการต่อไปให้ลงท้อง กระหายน้ำ ตัวร้อน ปลายมือปลายเท้าเย็น ถ้าเด็กมีอาการเป็นดังนี้
ก. ตอนเช้าให้กินยาตรี
ข. ตอนเที่ยงให้กินยาหอมผักหนอก
ค. ตอนเย็นให้กินประสะนิลน้อย
-เด็กเป็นไข้ให้สำรอก เสมหะเป็นสีเหลืองสีเขียว เป็นเม็ดมะเขือ ให้ไอนอนผวา เบื่อข้าวเบื่อนม ตัวร้อนบ้างเย็นบ้างเป็นคราวๆ ตามองช้อนไปข้างบน
-เป็นไข้แล้วให้อุจจาระพิการ ลงท้องเป็นมูกเหม็นเปรี้ยวเหม็นคาว ละอองทรางขึ้นในคอ ให้ไอ มีน้ำมูก ปวดศีรษะ ตัวร้อนจัด เชื่อมมัว
-ไข้เนื่องจากหวัดกำเดา ให้ไอ ตัวร้อนจัด หายใจถี่ ปากคอแห้ง นอนผวา เม็ดทรางเกิดในคอ ข้าวนมไม่กิน ท้องขึ้นหลังแข็ง ให้ใช้ยาเย็นและสุขุม
-เด็กไข้ตกอุจจาระเป็นมูกดำสดๆ เป็นหวัดมีกำเดาแทรก ตัวร้อนจัด เชื่อมมัว อยากน้ำเป็นกำลัง ตอนเช้าให้กินน้ำสมอไท เที่ยงยาหอมผักหนอก
-กำลังเด็กเป็นไข้หวัด มีอาการซึมเซาเชื่อมมัว ปวดหัวตัวร้อนตั้งแต่เท้าตลอดเบื้องบน บางทีท้องขึ้น หอบไอแห้ง ลงเป็นมูกเลือดไม่เป็นเวลา พอแก้ได้
-เด็กให้ลงออกมาเป็นส่าเหล้า เหม็นคาว เหม็นขื่น ต่อมาเป็นมูกเลือดสดๆ ปวดเบ่งตับทรุดลงมาตัวร้อน ท้องขึ้น ปลายเท้าปลายมือเย็น หายใจขัด อาการนี้อาการตาย แก้ไม่ได้
-เด็กใดๆก็ดี หกล้ม ชอกช้ำ ต่อมาจับไข้ตัวร้อนเป็นเวลา หน้าตาไม่มีสีเลือด ท้องร่วงเป็นส่าเหล้าหรือไข่เน่า สุดท้ายลงเป็นมูกเลือด ตัวร้อนหายใจขัดสะอื้น ปลายเท้าเย็น มือเย็น อาการนี้เป็นอาการตายแก้ไม่ได้
3. จารึกตำรายาที่วัดพระเชตุพนวิมงมังคลาราม
จารึกตำรายาที่วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม แบ่งเป็น 4 ประเภท (หรือวิชา) ดังนี้
-วิชากายภาพบำบัด (ฤาษีดัดตน) ทำเป็นรูปฤาษี หล่อด้วยดีบุกผสมสังกะสี จำนวน 80 ท่า มีโคลงสี่สุภาพอธิบายประกอบทุกท่า
-วิชาเวชศาสตร์ ว่าด้วยการศึกษาโรคภัยไข้เจ็บตามทฤษฎีการแพทย์แผนไทย มีการแยกสมุฏฐานของโรค การวินิจฉัยโรค การใช้ยาบำบัดรักษาโรค รวมจำนวนยา 1,128 ขนาน
-วิชาแผนนวด หรือวิชาหัตถศาสตร์ มีภาพโครงสร้างของร่างกายมนุษย์ แสดงที่ตั้งของเส้นประสาทการนวด 14 ภาพ และภาพเกี่ยวกับการนวดแก้ขัดยอกแก้เมื่อยและโรคต่างๆ อีก 60 ภาพ
-วิชาเภสัช ว่าด้วยสรรพคุณของเครื่องสมุนไพร ที่เรียกว่า ตำราสรรพคุณยา ปรากฏสรรพคุณในการบำบัดรักษา จำนวน 113 ชนิด
แม้ว่าพระคัมภีร์สรรพคุณ (แลมหาพิกัต) ในหนังสือ "แพทย์ศาสตร์สงเคราะห์" นั้น น่าจะเป็นคนละสำนวนกันกับตำราสรรพคุณยาฉบับวัดพระเชตุพนฯ และฉบับกรมหลวงวงษาธิราชสนิท เพราะมีรายละเอียดต่างกัน แต่ก็มีเนื้อหาใกล้เคียงกันมาก เห็นได้ว่ามีพื้นฐานมาจากต้นฉบับเดียวกัน โดยได้มีการปรับปรุงแก้ไขและเพิ่มเติมในภายหลัง
อ้างอิงข้อมูล http://www.digitalschool.club/digitalschool/thai2_4_1/thai6_5/index.php
ผู้จัดทำ นาย ชยธร แจ่มมณี ม.5-2 เลขที่2
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น