ภาษาไทยเพื่อการสื่อสาร
ความหมายของการสื่อสาร
ความรู้พื้นฐานเรื่องการสื่อสาร
การสื่อสารเป็นปัจจัยสำคัญในการดำรงชีวิต มนุษย์จำเป็นต้องติดต่อสื่อสารกันอยู่ตลอดเวลา การสื่อสารจึงเป็นปัจจัยสำคัญอย่างหนึ่งนอกเหนือจากปัจจัยพื้นฐานในการดำรงชีวิตของมนุษย์ การสื่อสารมีบทบาทสำคัญต่อการดำเนินชีวิตของมนุษย์มาก การสื่อสารมีความสำคัญอย่างยิ่งในปัจจุบัน ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นยุคโลกาภิวัตน์ เป็นยุคของข้อมูลข่าวสาร การสื่อสารมีประโยชน์ทั้งในแง่บุคคลและสังคม การสื่อสารทำให้คนมีความรู้และโลกทัศน์ที่กว้างขวางขึ้น การสื่อสารเป็นกระบวนการที่ทำให้สังคม เจริญก้าวหน้าอย่างไม่หยุดยั้ง ทำให้มนุษย์สามารถสืบทอดพัฒนา เรียนรู้ และรับรู้วัฒนธรรมของตนเองและสังคมได้ การสื่อสารเป็นปัจจัยสำคัญในการพัฒนาประเทศ สร้างสรรค์ความเจริญก้าวหน้าแก่ชุมชน และสังคมในทุกด้าน
ทักษะการสื่อสาร (Communication Skills) แบ่งออกเป็น 4 ประเภท
1. ทักษะการฟัง (Listening Skills)
การฟัง คือ การได้รับสารที่ส่งมาและทำความเข้าใจความหมายของสารที่รับมา ได้อย่างเข้าใจตรงกัน
ความสำคัญ
- ช่วยให้เกิดความเข้าใจที่ตรงกัน
- ช่วยพัฒนาความรู้
- ช่วยให้สบายใจ
- ช่วยระบายความรู้สึก
- ช่วยให้พูดได้อย่างมีประสิทธิภาพ
การฟัง คือ การได้รับสารที่ส่งมาและทำความเข้าใจความหมายของสารที่รับมา ได้อย่างเข้าใจตรงกัน
ความสำคัญ
- ช่วยให้เกิดความเข้าใจที่ตรงกัน
- ช่วยพัฒนาความรู้
- ช่วยให้สบายใจ
- ช่วยระบายความรู้สึก
- ช่วยให้พูดได้อย่างมีประสิทธิภาพ
2. ทักษะการอ่าน (Reading Skills)
การอ่าน คือ การรู้ สังเกตและทำความเข้าใจความหมายของทั้งวัจนภาษาและอวัจนภาษา
ความสำคัญ
- ช่วยสร้างองค์ความรู้
- ช่วยพัฒนาด้านอารมณ์
- ช่วยส่งเสริมความคิด
- ช่วยหาคำตอบ
การอ่าน คือ การรู้ สังเกตและทำความเข้าใจความหมายของทั้งวัจนภาษาและอวัจนภาษา
ความสำคัญ
- ช่วยสร้างองค์ความรู้
- ช่วยพัฒนาด้านอารมณ์
- ช่วยส่งเสริมความคิด
- ช่วยหาคำตอบ
3. ทักษะการพูด (Speaking Skills)
การพูด คือ การส่งสารโดยใช้วัจนภาษาและอวัจนภาษาเพื่อให้ผู้ฟังได้รับสารแล้วเกิดความเข้าใจในสารนั้นๆ
ความสำคัญ
- ช่วยให้ข้อมูล
- ช่วยโน้มน้าว
- ช่วยสร้างความบันเทิง
- ช่วยสร้างสรรค์
- ช่วยให้รู้สึกดี
การพูด คือ การส่งสารโดยใช้วัจนภาษาและอวัจนภาษาเพื่อให้ผู้ฟังได้รับสารแล้วเกิดความเข้าใจในสารนั้นๆ
ความสำคัญ
- ช่วยให้ข้อมูล
- ช่วยโน้มน้าว
- ช่วยสร้างความบันเทิง
- ช่วยสร้างสรรค์
- ช่วยให้รู้สึกดี
4. ทักษะการเขียน (Writing Skills)
การเขียน คือ การใช้ภาษาเพื่อสื่อสารถึงความรู้ ความคิด ความรู้สึก และอารมณ์ต่างๆ จากผู้เขียนไปยังผู้อ่าน
ความสำคัญ
- ช่วยถ่ายทอดและบันทึกข้อมูล
- ช่วยพัฒนาสติปัญญาและอารมณ์
- ช่วยสร้างความเข้าใจ
- ช่วยอธิบาย
- ช่วยเล่าเรื่อง
การเขียน คือ การใช้ภาษาเพื่อสื่อสารถึงความรู้ ความคิด ความรู้สึก และอารมณ์ต่างๆ จากผู้เขียนไปยังผู้อ่าน
ความสำคัญ
- ช่วยถ่ายทอดและบันทึกข้อมูล
- ช่วยพัฒนาสติปัญญาและอารมณ์
- ช่วยสร้างความเข้าใจ
- ช่วยอธิบาย
- ช่วยเล่าเรื่อง
การสื่อสารที่ดี ผู้ที่สื่อสารต้องให้ความสำคัญกับผู้ฟังให้มากกว่า ตัวเราเองเพราะจุดประสงค์ของการสื่อสารคือ ทำให้ผู้ฟังเข้าใจและคล้อยตามแนวความคิด ดังนั้นหากเราสื่อสารได้ตรงกับความต้องการของผู้ฟังแล้วย่อมทำให้การสื่อสารสมบูรณ์ การให้ความสำคัญในการพัฒนาตัวเองให้เป็นนักสื่อสารที่ดีควรพัฒนาทักษะดังนี้
- การสร้างความสัมพันธ์ที่ดี
- การพูดให้จูงใจผู้ฟัง
- การรับฟังความต้องการของผู้ฟัง
- การเรียนรู้และเข้าใจธรรมชาติของมนุษย์
- การมองผู้ฟังด้วยทัศนคติเชิงบวก
การพัฒนาด้านการสื่อสารกับผู้อื่นต้องคอยจับสัญญาณการเชื่อมต่อระหว่างเรากับผู้ฟังให้ได้ก่อน เพราะหากการเชื่อมต่อไม่สมบูรณ์การสื่อสารย่อมติดๆ ขัดๆ ตัวอย่างของการเชื่อมต่อ เช่น
ผู้ฟังให้ความสนใจ, ผู้ฟังเห็นด้วยและมีส่วนร่วม, ผู้ฟังเปิดเผยแนวความคิด
ทักษะของการสื่อสารที่ดี ควรได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง สุดท้ายก็จะกลายเป็นธรรมชาติในตัวเอง
- การสร้างความสัมพันธ์ที่ดี
- การพูดให้จูงใจผู้ฟัง
- การรับฟังความต้องการของผู้ฟัง
- การเรียนรู้และเข้าใจธรรมชาติของมนุษย์
- การมองผู้ฟังด้วยทัศนคติเชิงบวก
การพัฒนาด้านการสื่อสารกับผู้อื่นต้องคอยจับสัญญาณการเชื่อมต่อระหว่างเรากับผู้ฟังให้ได้ก่อน เพราะหากการเชื่อมต่อไม่สมบูรณ์การสื่อสารย่อมติดๆ ขัดๆ ตัวอย่างของการเชื่อมต่อ เช่น
ผู้ฟังให้ความสนใจ, ผู้ฟังเห็นด้วยและมีส่วนร่วม, ผู้ฟังเปิดเผยแนวความคิด
ทักษะของการสื่อสารที่ดี ควรได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง สุดท้ายก็จะกลายเป็นธรรมชาติในตัวเอง
การสร้างความสัมพันธ์ที่ดี
นักสื่อสารจะสร้างความสัมพันธ์ก่อนการสื่อสารโดยการเข้าใจความต้องการของผู้ฟัง พูดในเรื่องที่ผู้ฟังสนใจ อยู่ในโลกของผู้ฟัง มีความรักให้กับผู้ฟัง อยากช่วยเหลือผู้ฟัง มากกว่าความต้องการของผู้สื่อสารเพียงอย่างเดียว ทำให้ผู้ฟังเกิดความรู้สึกที่ดี และความเข้าใจในเจตนาของผู้สื่อสาร ว่าต้องการสื่อสารเพื่อจุดประสงค์ใด ถ้าผู้สื่อสารเปิดใจก่อน ก็จะได้รับการเปิดใจจากผู้ฟังเช่นเดียวกัน
การพูดให้จูงใจผู้ฟัง
นักสื่อสารที่ดีจะเริ่มต้นการพูดน่าสนใจ มีพลังในการสื่อสารกระตุ้นให้ผู้ฟังเกิดความกระตือรือร้นที่จะรับฟัง โดยการทำให้ผู้ฟังมองเห็นสิ่งต่างๆ ได้ชัดเจน เห็นคุณค่าและประโยชน์จะเกิดขึ้นเมื่อนำไปปฏิบัติ เป็นเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับผู้ฟังมากกว่าเรื่องของผู้สื่อสาร หากเป็นเรื่องของผู้สื่อสารก็เป็นเพียงประสบการณ์ที่อยากให้ผู้ฟังได้นำไปคิดและประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อผู้ฟังอีกทีหนึ่ง
การรับฟังความต้องการของผู้ฟัง
นักสื่อสารบางคนพยายามที่จะสื่อสารความต้องการของตัวเอง จนลืมทำหน้าที่รับฟัง ทำให้ผู้ฟังปิดรับการสื่อสารด้วยเช่นกัน เพราะผู้ฟังก็อยากให้ผู้สื่อสารเข้าใจความต้องการของเขาด้วยเช่นเดียวกัน ดังนั้นนักสื่อสารที่ดีจะสนใจความต้องการของผู้ฟัง และสื่อสารข้อความหรือข้อมูลที่ตรงกับความต้องการ การสื่อสารก็จะเกิดประโยชน์ทั้ง 2 ฝ่าย ทำให้ข้อมูลไม่ตกหล่น เนื่องจากเป็นสิ่งที่ผู้ฟังต้องการจะรับฟังอยู่แล้ว
การเรียนรู้และเข้าใจธรรมชาติของมนุษย์
การสื่อสารที่ดีถ้าเราเข้าใจธรรมชาติของมนุษย์ ซึ่งผู้ฟังอยากได้รับความสนใจ อยากได้รับการยอมรับ และชอบคำชมมากกว่าคำตำหนิ หากนักสื่อสารเรียนรู้และเข้าใจธรรมชาติของผู้ฟัง และปฏิบัติตัว ดังที่มนุษย์ทุกคนต้องการ ก็จะทำให้นักสื่อสาร สามารถต่อเชื่อมกับผู้ฟังได้ง่าย และตรงตามที่ผู้ฟังต้องการ จะทำให้ข้อความหรือข้อมูล และวิธีการที่ใช้ในการสื่อสาร เหมาะสมกับผู้ฟังมากยิ่งขึ้น แต่หากนักสื่อสาร หลีกเลี่ยง หรือไม่สนใจธรรมชาติของมนุษย์ สนใจในสิ่งที่ต้องการสื่อสารเพียงอย่างเดียว ย่อมทำให้ไม่ได้รับการตอบสนองจากผู้ฟังเต็มประสิทธิภาพ
การมองผู้ฟังด้วยทัศนคติเชิงบวก
การสื่อสารให้กับผู้อื่น ย่อมไม่ราบรื่นทุกครั้งไป เนื่องจากความคิดเห็นของแต่ละคนย่อมไม่เหมือนกัน ภาษาที่ใช้อาจถูกตีความไปอีกแบบหนึ่งได้ ดังนั้นนักสื่อสารต้องมองผู้ฟังด้วยทัศนคติเชิงบวก ไม่ตีความด้านลบ และไม่จินตนาการไปเองว่าผู้ฟังรู้สึกอย่างไร เพราะมิเช่นนั้นนักสื่อสารก็จะใช้น้ำเสียง สีหน้า กริยา และคำพูดที่เป็นเชิงลบได้ ซึ่งจะทำให้เกิดการต่อต้านจากผู้ฟังด้วยเช่นกัน คนมีความคิดเห็นที่แตกต่างกันเป็นเพราะ
- ความเชื่อไม่เหมือนกัน
- ค่านิยมที่ยึดถือแตกต่างกัน
- ประสบการณ์ในอดีตไม่เหมือนกัน
- กฎ-มาตรฐานที่เกี่ยวข้องด้วยกัน
ดังนั้นหากต้องการให้การสื่อสารสมบูรณ์และเกิดประโยชน์ทั้ง 2 ฝ่าย นักสื่อสารควรระวังแนวความคิดที่แตกต่างกันตรงนี้ไว้ด้วย
การพัฒนาการสื่อสารของตัวเองไม่ยาก เพราะเรามีโอกาสที่จะสื่อสารกับบุคคลทั่วๆไปอยู่ตลอดเวลา ดังนั้นหากฝึกฝนและปรับปรุงให้ดีขึ้นไปเรื่อยๆย่อมทำให้เรากลายเป็นนักสื่อสารที่ดีในอนาคตแน่นอน “การสื่อสารที่ดี คือ ผู้ฟังได้ประโยชน์จากเรื่องที่เราสื่อสารไป”
ในการจัดการเรียนการสอน ครูผู้สอนต้องใช้ทักษะการสื่อสารหลายทักษะ
ร่วมกัน เพื่อจัดการเรียนรู้ให้ผู้เรียนมีความรู้ มีทักษะ และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ตามที่กำหนดไว้ และนอกเหนือจากการสอนแล้ว ครูต้องทำงาน
ด้านอื่นๆ ในสถานศึกษาด้วย จะเห็นได้ว่าการทำงานของครู จะต้องอาศัย
ทักษะการสื่อสาร ซึ่งประกอบด้วย "การฟัง การอ่าน การพูด และการเขียน"
1. ทักษะการฟัง (Listening Skills) ครูจะใช้เพื่อ
- เก็บและรวบรวมข้อมูล
- แลกเปลี่ยนข้อมูล
- รับฟีดแบค
- ให้เข้าใจเรื่องราว
- เรียนรู้เรื่องราว
- สร้างสายสัมพันธ์
- ได้ทราบมุมมองที่แตกต่าง
- เพื่อให้การช่วยเหลือ
- ขจัดข้อขัดแย้ง
- สร้างความไว้วางใจ
2. ทักษะการอ่าน (Reading Skills) ครูจะใช้เพื่อ
- แสวงหาความรู้ ค้นหาคำตอบ
- ตรวจสอบงานของนักเรียน
- ทำความเข้าใจเนื้อหา
- เพิ่มเติมองค์ความรู้
- รับรู้วิทยาการก้าวหน้า
- กระตุ้นความคิดสร้างสรรค์
- ให้เห็นหลากหลายมุมมอง
- เกาะติดกระแส ทันสมัยต่อเหตุการณ์
- ฝึกทักษะการคิด
3. ทักษะการพูด (Speaking Skills) ครูจะใช้เมื่อ
- ให้/ถ่ายทอด/แลกเปลี่ยนข้อมูล
- อธิบายสร้างความกระจ่าง
- สร้างบรรยากาศ
- สร้างสายสัมพันธ์
- ให้ฟีดแบค
- ให้กำลังใจ
- ถามกระตุ้น
- นำเสนอมุมมองแตกต่าง
- โน้มน้าว
4. ทักษะการเขียน (Writing Skills) ครูจะใช้เมื่อ
- สร้างความเข้าใจและความน่าสนใจ
- สร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ เช่น แนวคิดหลักการ องค์ความรู้ หนังสือ
- ถ่ายทอดเรื่องราว
- บันทึกเรื่องราว
- เล่าเรื่อง อธิบาย
- แสดงความคิดเห็น
- แนะนำให้คำปรึกษา
- เก็บและรวบรวมข้อมูล
- แลกเปลี่ยนข้อมูล
- รับฟีดแบค
- ให้เข้าใจเรื่องราว
- เรียนรู้เรื่องราว
- สร้างสายสัมพันธ์
- ได้ทราบมุมมองที่แตกต่าง
- เพื่อให้การช่วยเหลือ
- ขจัดข้อขัดแย้ง
- สร้างความไว้วางใจ
2. ทักษะการอ่าน (Reading Skills) ครูจะใช้เพื่อ
- แสวงหาความรู้ ค้นหาคำตอบ
- ตรวจสอบงานของนักเรียน
- ทำความเข้าใจเนื้อหา
- เพิ่มเติมองค์ความรู้
- รับรู้วิทยาการก้าวหน้า
- กระตุ้นความคิดสร้างสรรค์
- ให้เห็นหลากหลายมุมมอง
- เกาะติดกระแส ทันสมัยต่อเหตุการณ์
- ฝึกทักษะการคิด
3. ทักษะการพูด (Speaking Skills) ครูจะใช้เมื่อ
- ให้/ถ่ายทอด/แลกเปลี่ยนข้อมูล
- อธิบายสร้างความกระจ่าง
- สร้างบรรยากาศ
- สร้างสายสัมพันธ์
- ให้ฟีดแบค
- ให้กำลังใจ
- ถามกระตุ้น
- นำเสนอมุมมองแตกต่าง
- โน้มน้าว
4. ทักษะการเขียน (Writing Skills) ครูจะใช้เมื่อ
- สร้างความเข้าใจและความน่าสนใจ
- สร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ เช่น แนวคิดหลักการ องค์ความรู้ หนังสือ
- ถ่ายทอดเรื่องราว
- บันทึกเรื่องราว
- เล่าเรื่อง อธิบาย
- แสดงความคิดเห็น
- แนะนำให้คำปรึกษา
"การสื่อสารในการเรียนการสอน"
1. กระบวนการสื่อสารในการเรียนการสอน ประกอบด้วย..
ครู, เนื้อหาบทเรียนหรือกิจกรรมต่างๆ, ช่องทางสื่อสาร, ผู้เรียน, สิ่งรบกวน
2. ลักษณะการสื่อสารระหว่างครูผู้สอนกับผู้เรียน เป็นการสื่อสารเพื่อให้เกิด
ความรู้ กล่าวคือ.. เป็นการถ่ายทอดความรู้ ความสามารถ ประสบการณ์
ตลอดจนการอบรมสั่งสอน อาจเป็นการสื่อสารแบบทางเดียวหรือสองทาง
ควรมีการเน้นหรือทบทวนคำสั่งหรือข้อตกลง เพื่อให้เกิดความจำ
และความเข้าใจที่ถูกต้อง การสื่อสารควรมีลักษณะสร้างแรงบันดาลใจ
เป็นกันเอง แสดงถึงความเอื้ออาทร และมีเจตคติที่ดีต่อกัน
3. การปรับใช้การสื่อสารกับกระบวนการเรียนการสอนให้มีประสิทธิภาพ
ครูที่มีการสื่อสารที่ดีจะช่วยให้ผู้เรียนเรียนรู้ได้อย่างมีความหมาย มีชีวิต
ชีวา มีเจตคติที่ดีต่อผู้สอนและบทเรียน เรียนรู้ได้อย่างเข้าใจ ครูผู้สอนควร
ใช้สื่อการสอนสองทางให้มากที่สุด เพื่อประเมินว่าการถ่ายทอดเนื้อหา
สาระไปสู่ผู้เรียนได้ผลอย่างไร ครูและผู้เรียนสามารถปรับกระบวนการ
สื่อสารให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์
อ้างอิง: http://jiranuch9614.blogspot.com/
จัดทำโดย นางสาว ญาสิณี สังข์ขาว ชั้นมัธยมศึกษาปีที่๕/๒ เลขที่๒๑
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น